เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายองอาจ คร้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แถลงข่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับ ความไม่มั่นใจในการเลือกซื้อสินค้านาโนของผู้บริโภค เนื่องจากในปัจจุบันมีสินค้านาโนในท้องตลาดอยู่หลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นประเภทเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดมือ ถุงมือ ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเปื้อนและกันเชื้อโรค ซึ่งมีราคาสูงกว่าสินค้าประเภทเดียวกันหลายเท่าตัว แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมสินค้าที่ชัดเจน จึงมอบหมายให้ศูนย์เฝ้าระวังและพิสูจน์สินค้าที่ไม่ปลอดภัยของ สคบ. ทำงานร่วมกับศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติและ สมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ตรวจสอบสินค้าในท้องตลาดจำนวน 14,000 ตัวอย่าง ทั้งจากท้องตลาดและห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทผ้าและเครื่องนุ่งห่มจากการตรวจสอบ พอว่ามีสินค้าจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่สินค้านาโนอย่างที่ผู้ผลิตโฆษณา แต่เป็นสินค้าประเภทไมโครไฟเบอร์ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับทั้งผู้ผลิตและผู้ซื้อ
ทั้งนี้นายองอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติและสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจัดทำฉลากผลิตภัณฑ์นาโน เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวัสดุนาโน และคุณสมบัติที่กล่าวอ้าง เช่น กันน้ำ ฆ่าเชื้อโรค กันแดด เป็นต้น โดยจะเริ่มต้นทำใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ สิ่งทอ สีทาบ้าน และกระเบื้องเคลือบ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ฉลากดังกล่าวได้ในเดือนมิถุนายน ส่วนการดำเนินการให้ผู้ผลิตใส่คำอธิบายในฉลากสินค้าประเภทนาโนนั้น คาดว่า สคบ. จะสามารถดำเนินการได้ภายใน 30 วัน
ด้านนายศิรศักดิ์ เทพาคำ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสื้อผ้านาโน สำหรับผู้บริโภคว่า ผลิตภัณฑ์นาโนไม่สามารถแยกได้จากการสัมผัส แต่สามารถทดสอบคุณสมบัติได้ โดยใช้น้ำหยดลงบนผลิตภัณฑ์ หากเป็นผลิตภัณฑ์นาโนน้ำจะไม่ซึมลงบนผ้า แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์นาโนดังกล่าวจะมีคุณสมบัติกันเชื้อโรค กันน้ำ หรือให้กลิ่นหอม ก็จำเป็นต้องทำความสะอาดทุกครั้ง หลังจากใช้เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมสิ่งสกปรก และทำให้เสื่อมคุณสมบัติดังกล่าวไป นอกจากนี้นายศิรศักดิ์ได้ย้ำว่า ในหนึ่งสินค้าจะมีคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นาโนได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถมีคุณสมบัติทับซ้อนกันได้ จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในส่วนนี้
